ความเชื่อของคนโบราณ

: ความเชื่อของคนโบราณ แต่แฝงไปด้วยกุศโลบาย

ใน สมัยก่อนหรือแม้แต่ในปัจจุบัน เชื่อว่าหลายคนคงเคยถูก ปู่ ย่า ตา ยาย หรือ พ่อ แม่ สั่งสอนห้ามทำโน่นทำนี่ ด้วยเหตุผลที่อธิบายได้ยาก และบางครั้งดูราวไร้เหตุผล แต่เราลูกๆหลานๆ ก็มักยอมปฏิบัติตาม แม้ในใจอาจะคัดค้านหรือนึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็น่าแปลกที่ว่าสิ่งที่คนโบราณบอกต่อกันมาเพื่อดูแล ตักเตือน และสั่งสอนลูกๆหลานๆด้วยห่วงใย เหล่านี้ หลายสิ่งหลายอย่างก็ช่วยให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างไม่น่า เชื่อ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เหตุผลก็คือ สิ่งที่ห้ามเหล่านี้ล้วนเป็น “โบราณอุบาย” อันหมายถึงวิธีอันแยบยลที่มีมาช้านาน ในการตักเตือนหรือขู่ให้กลัว กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายกับบุคคล ซึ่งมักขึ้นด้วยคำว่า “ห้าม” หรือ “อย่า” โดยมีเจตนาหรือจุดมุ่งหมายแฝงอยู่ในข้อห้ามนั้นๆ

กระทู้ นี้เสนอตอนแรกครับ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันอันตราย ที่จะเกิดกับร่างกายของเรา ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมักได้ยินปู่ ย่า ตา ยาย เล่าถึงอยู่ มาฝากครับ

ห้ามตากผ้าข้ามคืน กระสือจะเช็ดปาก

เด็กๆ ไม่ว่าในยุคไหนสมัยไหน ก็มักจะชอบฟัง นิทาน เรื่องเล่า ด้วยเหตุนี้นิทานหรือเรื่องเล่าต่างๆ จึงมักจะแฝงข้อคิดที่ผู้ใหญ่ต้องการสอนเด็กไว้ในเรื่องด้วยเสมอ ไม่ยกเว้นแม้แต่นิทานที่เกี่ยวกับผีที่หลายๆคนชอบ แม้จะกลัว แต่ก็อยากฟัง สำหรับเรื่องผีที่คนฟังกี่ครั้งก็ไม่เบื่อน่าจะได้แก่เรื่อง ผีกระสือ

กระสือ เป็นผีชนิดหนึ่งที่ถือว่าเข้าสิงในตัวผู้หญิง ชอบกินของโสโครก (ราชบัณฑิต 2542 : 58) กระสือจะออกหากินเวลากลางคืน มีลักษณะเป็นดวงไฟมีแสงสีเขียวสว่างวาบๆ ลอยไปเฉพาะส่วนหัว ผมยาว กับตับไตไส้พุงเป็นพวง เชื่อกันว่า กระสือชอบกินของสด สกปรก

คนโบราณ ออกอุบายโดยอาศัยความกลัวผีกระสือของเด็กๆ เพื่อไม่ให้ลืมเก็บผ้าที่ตนตากไว้ เพราะผ้าที่ใช้ในสมัยก่อนส่วนใหญ่จะเป็นผ้าที่ทอมาจากฝ้ายแทบทั้งสิ้น กว่าจะทอและตัดเย็บเสร็จแต่ละผืนก็ให้เวลานาน เนื่องจากไม่ได้ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนมาช่วยดังเช่นในปัจจุบัน จึงทำให้ชำรุดเสียหายได้ง่าย ดังนั้น การตากผ้าทิ้งไว้ข้ามคืน ก็จะทำให้ผ้าเปียกฝนหรือน้ำค้าง ส่งผลให้ผ้าเก่าเร็ว ชำรุดเปื่อยง่าย นอกจากนี้อาจสูญหายจากการถูกขโมย หรืออาจมีสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ มาแอบหลบอาศัยอยู่ และจะเป็นอันตรายเมื่อนำไปสวมใส่ ที่สำคัญคือยังแสดงถึงความเกียจคร้านของเจ้าของผ้า ไม่รู้จักเก็บรักษาทรัพย์สิน ดงนั้น โบราณอุบายเรื่องนี้จึงเป็นการสอนให้ลูกผู้หญิงรู้จักเป็นแม่บ้านแม่เรือน คอยดูแลรักษาสิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน นั่นเอง

ห้ามนอนทับตะวัน เจตภูติจะออกจากร่าง

นอน ทับตะวัน หมายถึง การนอนในช่วงเวลาเย็นเลยไปถึงค่ำจนดวงอาทิพย์ตกดินแล้วยังไม่ตื่น ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นพฤติกรรมของเด็กๆ หลังจากกลับมาจากโรงเรียนในตอนเย็น ก็จะเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมประจำวัน เนื่องจากจะต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน เมื่อเรียนและเล่นซุกซนกับเพื่อน ๆ มาตลอดทั้งวัน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็อ่อนเพลียและเผลอหลับไป หรือไม่บางคนก็หลับตั้งแต่นั่งรถกลับจากโรงเรียนเลยทีเดียว
ในสังคม ชนบทสมัยก่อน ผู้ใหญ่จะห้ามไม่ให้นอนทับตะวัน โดยกล่าวว่าเจตภูตตามความเชื่อว่าเป็นวิญญาณที่สิงอยู่ในตัวคน จะล่องลอยออกจากร่างได้เมื่อเวลาหลับ โดยเฉพาะผู้เป็นลูกสาว เนื่องจากต้องเป็นผู้ทำงานบ้าน เตรียมอาหารอาหารมื้อเย็นสำหรับคนในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ หรือ พี่ น้อง ที่ออกไปทำไร่ทำนา หากเผลอนอนตอนเย็นก็จะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เตรียมอาหารไว้สำหรับรอคนในครอบ ครัวที่กลับมาจากทำงาน คนโบราณจึงนำโบราณอุบายมาขู่ เพื่อสอนให้ลูกสาวรู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบและรู้กาลอันควรแก่การนอน เพราะว่าถ้าปล่อยให้ลูกหลานนอนหลับยาวไปจนค่ำก็จะเป็นการสร้างลักษณะนิสัย ที่ไม่ดีให้กับลูกหลาน เพราะหากไม่ฝึกให้ช่วยพ่อ แม่ พี่น้อง หุงหาอาหาร ทำกับข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน หรือช่วยงานอื่น ๆ ตามแต่วัยและเพศของบุตรหลาน ต่อไปก็จะกลายเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาวได้
ข้อสำคัญ การนอนช่วงเวลากลางวันคร่อมกลางคืนตั้งแต่ตอนเย็นจนค่ำ อุณหภูมิอากาศจะเปลี่ยนแปลงจากกลางวันเข้าสู่กลางคืน ทำให้การนอนในช่วงเวลานั้นไม่ว่าจะเป็นเพศใดวัยใด ร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน อาจทำให้เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ปวดหัว ไม่สบายเนื้อ สบายตัว เจ็บป่วยได้ครับ

ห้ามคนท้องไปเผาศพ ถ้าไปผีที่กำลังเผาจะเข้ามาเกิดในท้องแทนลูกของตนเอง

วัดวา อารามในสมัยก่อน โดยเฉพาะในชนบทจะเป็นเพียงวัดเล็กๆ ที่มีไว้เพื่อประกอบศาสนกิจอย่างสมถะเท่านั้น การก่อสร้างอาคารต่างๆภายในวัดก็ยังไม่ทันสมัย หรือ ใหญ่โตอย่างเช่นในปัจจุบัน แม้แต่เมรุเผาศพก็ยังไม่มีแพร่หลาย

ดัง นั้น เมื่อเวลามีคนตาย โดยทั่วไปก็จะจัดพิธีเผาศพกันกลางแจ้งบนกองฟอน เพราะไม่มีเมรุหรือเตาเผาศพ คนโบราณจะเอาเสามาตั้งสี่เสาซึ่งเรียกว่า กองฟอน เอาฟืนไม้ไผ่หรือไม้สะแกมาวางเป็นพื้นแล้วยกโลงศพตั้งไว้ข้างบน ลักษณะเป็นเชิงตะกอนเปิดโล่ง แล้วจุดไฟเผา มีสัปเหร่อคอยเอาน้ำเลี้ยงไม่ให้โลงศพไหม้ หากเลี้ยงน้ำไม่ทัน โลงก็จะไหม้ ทำให้ศพงอขึ้นมาคล้ายคนนั่ง เพราะกล้ามเนื้อและเส้นเลือดเกิดการผิดรูปอย่างฉับพลันเพราะโดนไฟไหม้ เป็นที่อุจาดตามาก คนที่ตั้งท้องอยู่มีความลำบากในการรักษาสมดุลทางร่างกายและอารมณ์อยู่แล้ว เมื่อเห็นสภาพเช่นนั้นก็อาจจะทำให้มีผลกระทบต่อจิตใจเป็นอันตรายแก่เด็กใน ครรภ์ หรืออาจเกิดอันตรายแก่ร่างกายตัวเอง เพราะคนที่กำลังตั้งท้องการเคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่วอาจ ประสบอุบัติเหตุจากการเบียดเสียดกับคนที่ไปร่วมงานศพ และอาจจะแท้งลูกได้

คน โบราณจึงมีโบราณอุบายเพื่อป้องกันอันตรายที่จะมีผลต่อจิตใจคนท้อง เช่น เกิดความวิตกกังวล ความเครียด และความไม่สบายใจต่าง ๆ รวมถึงอันตรายต่อร่างกาย โดย ห้ามคนท้องไปเผาศพ และว่าถ้าไป ผีที่กำลังเผาจะเข้ามาเกิดในท้องแทนลูกของตนเอง แต่หากจำเป็นต้องไปร่วมจริงๆ ก็ให้หาเข็มกลัดซ่อนปลายเหน็บชายพกไปด้วย อุบายก็คือ สมัยก่อนเข็มกลัดซ่อนปลายเป็นของหายาก กว่าจะได้อาจต้องไปหยิบยืมหลายบ้าน ก็จะได้รับคำเตือนหลายครั้งจากบ้านต่างๆ ในที่สุดคนท้องก็จะเปลี่ยนใจไปเอง

ห้ามตัดเล็บกลางคืน วิญญาณบรรพบุรุษจะอยู่ไม่เป็นสุข

การดำรงชีวิตประจำวันของคนในสมัยก่อนจะยังไม่มีค่อยใส่ใจในด้านการดูแล รักษา สุขภาพ อนามัยของตัวเองอย่างเช่นในปัจจุบัน โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ในสมัยนั้นจะไม่มีของเล่นเหมือนสมัยนี้ ดังนั้นเด็กๆ จึงมักจะเล่นปั้นดินเหนียว เป็นลูกกระสุน ปั้นวัว ปั้นควาย ปั้นตุ๊กตา หรือวิ่งตีวงล้อที่ทำจากไม้ไผ่ นำมาโค้งเป็นวงกลม รองเท้าก็ไม่ใส่ เล็บมือเล็บเท้าจึงดำมีแต่ขี้ดินขี้โคลนแทรกอยู่ พอกลางคืนก็จะนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้จะต้องไปโรงเรียน และครูก็จะมาตรวจความสะอาด จึงต้องรีบตัดเล็บ แต่กรรไกรตัดเล็บก็แสนจะหายาก บางคนจึงต้องใช้วิธีการใช้ปากกัดเล็บทีละเล็กละน้อยจนสั้น แต่ก็จะดูไม่เรียบสวยเท่ากับใช้มีดตัด ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช้มีดเหลาดินสอก็มักจะใช้มีดเจียนหมากของ ย่า ยายตัดเล็บ

ดัง นั้น การใช้มีดเจียนหมาก หรือมีดเล็ก ๆ ตัดเล็บของคนในอดีต จะทำให้ตัดเล็บได้ไม่สะดวกและไม่ปลอดภัยเท่ากรรไกรตัดเล็บในปัจจุบัน คนโบราณจึงห้ามตัดเล็บเวลากลางคืน โดยอ้างเป็นอุบายว่าวิญญาณบรรพบุรุษจะอยู่ไม่เป็นสุข เพราะการตัดเล็บกลางคืนจะทำให้มีดบาดนิ้วได้ เนื่องจากในสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ มีแต่ตะเกียงน้ำมันวับๆแวมๆ ซึ่งให้แสงสว่างไม่เพียงพอ ถ้าตัดเล็บกลางคืนก็จะบังคับมีดได้ยาก อีกทั้งไฟที่สว่างแบบวูบวาบทำให้เกิดแสงและเงา อาจจะตัดเอาเนื้อแทนที่จะตัดเล็บก็ได้ จึงห้ามตัดเล็บกลางคืน

อุบาย ที่อ้างว่าวิญญาณบรรพบุรุษจะอยู่ไม่เป็นสุขนั้น เนื่องจากคนไทยมีความกตัญญูเคารพรักและผูกพันกับบรรพบุรุษ มีความเชื่อเรื่องวิญญาณ จึงไม่ต้องการให้วิญญาณบรรพบุรุษต้องเป็นทุกข์ เพราะการกระทำของตน ข้อห้ามข้อนี้ตรงกับข้อห้ามของชาวภาคใต้ โดยใช้อุบายว่า “ห้ามตัดเล็บกลางคืนอายุจะสั้น” จุดมุ่งหมายสำคัญ เพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกมีดหรือของมีคมที่ใช้เจียนเล็บบาดนิ้ว

ถัดไป>>>

Free Web Hosting